top of page
รูปภาพนักเขียนHYPER PIXEL

Canon EOS R3 Full-Frame Mirrorless



โฟกัสอัจฉริยะและแม่นยำ

Canon EOS R3 นับเป็นกล้องดิจิทัลตัวแรกของแคนนอนที่มีฟังก์ชันการควบคุมออโต้โฟกัสด้วยดวงตา (Eye Control AF) หลังจากกล้อง Canon EOS 7s เปิดตัวในปี 2004 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะทำการเลือกกรอบออโต้โฟกัสโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหวของม่านตาของผู้ใช้ขณะถ่ายภาพนิ่ง มาพร้อม LED และเซนเซอร์หลายตัวภายในช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อทำให้สามารถโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการเปลี่ยนโฟกัสไปยังวัตถุใหม่โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มและใช้ปุ่มควบคุม โดยเฉพาะการถ่ายภาพกีฬาแข่งรถและวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว

สำหรับระบบออโต้โฟกัสติดตามดวงตา (Eye Detection AF) ในกล้องรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก โดยกล้องสามารถโฟกัสที่ดวงตาได้แม้ใบหน้าจะถูกบดบังบางส่วน นอกจากนี้ในระบบออโต้โฟกัสติดตามศีรษะ (Head Detection AF) ยังมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเช่นกัน เมื่อนักกีฬาสวมหมวกนิรภัยหรือแว่นตาก็ยังคงสามารถโฟกัสได้อย่างมั่นใจในการถ่ายภาพกีฬาความเร็วสูง

อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบออโต้โฟกัสติดตามยานพาหนะ (Vehicle Priority AF) แบบใหม่ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับช่างภาพมอเตอร์สปอร์ต โดยระบบโฟกัสนี้สามารถตรวจจับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถตรวจจับหมวกกันน็อคของคนขับได้เมื่อเปิดการใช้งานการติดตามเฉพาะจุด อีกหนึ่งคุณสมบัติอันทรงพลังที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเซนเซอร์ใหม่และชิปประมวลผลภาพ DIGIC X คือการติดตามที่แม่นยำมากขึ้น โดยสามารถคำนวณและติดตามออโต้โฟกัสได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่งถือเป็นความสามารถที่มากกว่า Canon EOS-1DX Mark III และ Canon EOS R5 ถึงสามเท่า ทำให้ง่ายต่อการติดตามวัตถุที่เลี้ยวและเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เช่น นักสกีหรือนักกีฬามอเตอร์สปอร์ต และด้วยขีดจำกัดของออโต้โฟกัสในการถ่ายภาพที่แสงน้อยได้ถึง EV-7.5 ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทจนสายตามนุษย์ยากที่จะมองเห็น



เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม ความละเอียดประมาณ 24.1 ล้านพิกเซล

EOS R3 มาพร้อมกับเซนเซอร์รุ่นใหม่ Stacked CMOS แบบฟูลเฟรม ขนาด 35 มม. โดยใช้การสะท้อนแสงกลับ ที่มีความละเอียดภาพประมาณ 24.1 ล้านพิกเซล ด้วยการใช้สถาปัตยกรรมแบบเรียงซ้อน ทำให้สามารถอ่านสัญญาณความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำมากมายที่ไม่เคยมีมา อย่างการถ่ายภาพอันชาญฉลาดและคมชัดในรูปแบบ RAW 14-บิต (ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์) ที่อัตราเฟรมเรตอันรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด


ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X

EOS R3 ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผลภาพ DIGIC X สามารถคำนวณข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งความแม่นยำ ความเร็ว และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปลดปล่อยประสิทธิภาพของกล้องและประสบการณ์การถ่ายภาพในมิติใหม่


ช่วงไดนามิกเรนจ์สูง (HDR) PQ

จับภาพที่สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย HDR PQ ซึ่งเป็นเส้นโค้งแกมมาที่แสดงช่วงไดนามิกเรนจ์กว้างที่ใกล้เคียงกับการรับรู้ด้วยตามนุษย์ โดย HDR PQ HEIF บันทึกความลึกของสีที่ 10-บิต ในขนาดไฟล์ที่ใกล้เคียงกัน JPEG แต่ให้ผลลัพธ์ของภาพของช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างกว่าโดยแทบไม่ต้องนำไปปรับแต่งภายหลัง และสามารถใช้ HDR PQ ร่วมกับฟังก์ชันปรับสมดุลแสงอัตโนมัติ (Auto Lighting Optimizer) และฟังก์ชันเน้นความสำคัญที่โทนสีไฮไลท์ (Highlight Tone Priority) เพื่อควบคุมการไล่สีเพิ่มเติม


รวม 3 ภาพด้วยโหมด HDR

โหมด HDR เป็นการรวมภาพถ่ายต่อเนื่อง 3 ภาพเป็นภาพเดียวได้อย่างรวดเร็วเพียง 0.02 วินาที* รวมถึงการชดเชยแสง ด้วยการปรับเลื่อนระหว่างเฟรมโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถถือถ่ายด้วยมือเปล่าได้ โดยตัวเลือกในการเลือก HDR PQ ทำให้ได้ภาพที่มีช่วงไดนามิกเรนจ์ที่สูงกว่า (สูงสุดประมาณ 3000 นิต) เมื่อเทียบกับ JPEG แม้แต่ในการถ่ายภาพ JPEG การไล่ระดับเงาและไฮไลท์ยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน


*เวลาถ่ายภาพอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าการเปิดรับแสง โดย 0.02 วินาที เป็นเวลาที่ใช้เพื่อถ่ายภาพ (ไม่รวมเวลาจัดองค์ประกอบ)


ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องอันทรงพลัง

เปิดมุมมองของระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก* กล้อง EOS R3 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ในตัวกล้อง 5 แกน ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ EOS R5 และ EOS R6 ประสานการทำงานร่วมกันระหว่าง In-Body IS เข้ากับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลของเลนส์ RF ด้วยกลไกการทำงานของระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบซิงโครไนซ์จะช่วยลดการสั่นไหวได้สูงสุดถึง 8 สต็อปอย่างน่าประหลาดใจ และสูงสุดที่ 5.5 สต็อป เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์เลนส์ที่ไม่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว สิ่งนี้จะเพิ่มความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดภาพถ่าย ทำให้สามารถถือกล้องถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำและถ่ายภาพในสถานที่ที่ห้ามใช้ขาตั้งกล้องได้เป็นอย่างดี


เหนือชั้นกว่าด้วยประสิทธิภาพในที่แสงน้อย

ด้วยค่าความไวแสง (ISO) เริ่มต้นสูงถึง 102400 (ขยายได้ถึง L:50 และ H:204800) กล้อง EOS R3 มีความสามารถในการลดสัญญาณรบกวนขั้นสูง ให้ภาพที่คมชัดแม้ถ่ายในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย


การบิดเบี้ยวของอาการภาพล้มที่น้อยลง

โดยทั่วไปเมื่อถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนเร็ว บางครั้งอาจเกิดอาการภาพล้ม คือส่วนหนึ่งของเฟรมอาจเบลอหรือบิดเบี้ยว แต่ด้วยการทำงานของเซนเซอร์ Stacked แบบสะท้อนแสงกลับ ร่วมกับระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ที่มีความสามารถในการอ่านข้อมูลความเร็วสูง จึงทำให้กล้อง EOS R3 มีโอกาสเกิดอาการภาพล้มเพียง 25% เมื่อเทียบกับกล้อง EOS-1D X Mark III



2. การควบคุมระบบออโต้โฟกัส

  • ระบบโฟกัสอัติโนมัติ EOS iTR (การตรวจติดตามและการรับรู้อัจฉริยะ)

  • ระบบโฟกัสอัตโนมัติยานพาหนะ

  • ระบบ Dual Pixel CMOS AF II

  • การคำนวณและการติดตามสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที

  • ระบบโฟกัสอัตโนมัติควบคุมด้วยดวงตา

  • อินเทอร์เฟซการทำงานของระบบโฟกัสอัตโนมัติที่หลากหลาย

  • โฟกัสในที่แสงน้อยถึง EV -7.5


ระบบโฟกัสอัติโนมัติ EOS iTR (การตรวจติดตามและการรับรู้อัจฉริยะ)

ควบคุมประสิทธิภาพการออโต้โฟกัสที่เหนือชั้นด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติ EOS iTR (การตรวจติดตามและการรับรู้อัจฉริยะ) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ด้วยอัลกอริธึมการติดตามวัตถุขั้นสูงที่ได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก การตรวจจับในเงามืดได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น แม้จะมีสิ่งกีดขวางเล็กน้อยบนใบหน้าของตัวแบบ เช่น มีผมบังตาหรือเมื่อสวมหน้ากาก แต่ EOS R3 ยังสามารถระบุตำแหน่งดวงตา ศีรษะ หรือใบหน้าของตัวแบบที่เป็นมนุษย์ได้ด้วยการติดตามที่มีความแม่นยำสูงและการโฟกัสที่เชื่อถือได้



ในโหมดตรวจจับสัตว์ (Animal Priority) ระบบโฟกัสอัตโนมัติ EOS iTR จะตรวจจับตัวแบบ เช่น สุนัข แมว และนก ด้วยการล็อคออโต้โฟกัสที่ดวงตา ศีรษะ หรือลำตัวได้อย่างชาญฉลาด แม้ว่าสัตว์จะไม่ได้มองที่กล้องก็ตาม กล้อง EOS R3 มีโหมดตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Priority) แบบใหม่ที่สามารถจดจำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตลอดจนหมวกกันน็อคของผู้ขับขี่รถแข่งและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์



ระบบโฟกัสอัตโนมัติยานพาหนะ

นอกจากความสามารถในการตรวจจับตัวแบบที่เป็นมนุษย์และสัตว์แล้ว กล้อง EOS R3 ยังมีโหมดความสามารถใหม่ในการตรวจจับและตรวจติดตามรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งสามารถตรวจจับยานพาหนะสี่ล้อและสองล้อ เช่น รถฟอร์มูล่า รถแรลลี่ และรถจักรยานยนต์บนถนนและทางวิบาก ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งในการตรวจติดตามการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วระหว่างการขับขี่แบบออฟโรดและการแข่งรถมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งการตรวจจับโฟกัสให้แม่นยำบนตัวแบบนั้นยากต่อการได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ นอกจากการตรวจจับรถยนต์ทั้งคันแล้วยังสามารถจับโฟกัสเฉพาะที่หมวกกันน็อคของคนขับได้โดยใช้การตรวจจับเฉพาะจุด



ระบบ Dual Pixel CMOS AF II

กล้อง EOS R3 ให้ประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติที่ล้ำสมัย ครอบคลุมพื้นที่กว้างและความแม่นยำของจุดออโต้โฟสูงสุดถึง 1053 โซน เมื่อตรวจพบวัตถุ ระบบโฟกัสอัตโนมัติจะถูกขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งหมดของภาพ (ประมาณ 100% x 100%)* ส่งมอบประสิทธิภาพสูงสุดการในถ่ายภาพ ด้วยการทำงานของระบบโฟกัสอัตโนมัติที่รองรับการตั้งค่ารูรับแสงได้กว้างถึง f/22 นอกจากนี้ระบบโฟกัสอัตโนมัติยังทำงานได้แม้จะต่อเข้าอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์กับเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้


*ใช้ได้เมื่อแสดงกรอบวัตถุ ขณะใช้การติดตามวัตถุและเลนส์ RF (ยกเว้น RF600mm f/11 IS STM, RF800mm f/11 IS STM และ Extender RF), เลนส์ EF (ยกเว้นผลิตภัณฑ์บางรุ่นในปัจจุบัน), Extender EF (III) (ขึ้นอยู่โหมดพื้นที่ AF ของเลนส์หลัก) บางฉากและบางวัตถุอาจไม่สามารถใช้ได้


การคำนวณและการติดตามออโต้โฟกัสสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที

เซนเซอร์ CMOS ระบบประมวลผลผลภาพ DIGIC X และระบบ Dual Pixel CMOS AF II ช่วยให้คำนวณการออโต้โฟกัสและตรวจติดตามได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ ด้วยการคำนวณที่มากขึ้นในแต่ละภาพที่ถ่าย รวมถึงความแม่นยำในการติดตามที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่รวดเร็ว มีการเปลี่ยนทิศทางและความเร็วอย่างกะทันหัน



ระบบโฟกัสอัตโนมัติควบคุมด้วยดวงตา

สัมผัสพลังแห่งการโฟกัสด้วยสายตา ในฐานะกล้องดิจิทัล EOS ตัวแรกที่มีระบบ Eye Control AF โดยกล้อง EOS R3 ได้กำหนดขีดจำกัดของความเร็วและความแม่นยำในการโฟกัสแบบใหม่ สามารถกำหนดทิศทางจุดออโต้โฟกัสได้ด้วยดวงตาของคุณ โดยมองไปยังวัตถุที่ต้องการผ่านช่องมองภาพเพื่อจับโฟกัส ขอแนะนำให้ใช้ Eye Control AF เมื่อทำงานร่วมกับโหมดการติดตามอื่นๆ ในสถานการณ์ที่มีวัตถุหลากหลาย เนื่องจากให้ความยืดหยุ่นในระดับสูงสำหรับการเปลี่ยนโฟกัสจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Eye Control AF จะช่วยให้จับโฟกัสในเสี้ยววินาทีและติดตามฉากที่เคลื่อนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพวัตถุที่คาดเดาไม่ได้ซึ่งอาจเข้าหรือออกจากเฟรมได้ในทันที


โฟกัสที่วัตถุที่อยู่ทางด้านขวา


ใช้ Eye Control AF เพื่อเลื่อนโฟกัสไปที่วัตถุด้านซ้าย


ยืนยันการล็อคโฟกัสด้วยปุ่ม AF-ON


อินเทอร์เฟซการทำงานของระบบโฟกัสอัตโนมัติที่หลากหลาย

กล้อง EOS R3 มาพร้อมกับอินเทอร์เฟซการทำงานมากมายสำหรับปรับตั้งค่าระบบโฟกัสอัตโนมัติ โดยช่วยให้ Eye Control AF โฟกัสผ่านช่องมองภาพได้ ในขณะที่ปุ่มควบคุมอัจฉริยะที่เป็นที่นิยมซึ่งถูกดัดแปลงมาจากกล้อง EOS-1D X Mark III ทำให้จุดโฟกัสเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและกว้าง นอกจากนี้ยังมีปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันรองรับจัดวางตำแหน่งออโต้โฟกัสได้อย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับหน้าจอแอลซีดีแบบสัมผัส ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนจุดออโต้โฟกัสไปยังตำแหน่งใดก็ได้ในภาพได้ทันทีเพียงแตะที่หน้าจอ



การโฟกัสในที่แสงน้อยถึง EV -7.5

ด้วยค่าการเปิดรับแสงต่ำสุดบนกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมในตระกูล EOS R กล้อง EOS R3 มีขีดจำกัดในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้ต่ำสุดถึง EV -7.5* ทำให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างสะดวกสบายแม้ในที่มืดอันท้าทาย เช่น ในค่ำคืนที่มืดสนิท โดยช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์จะปรับความสว่างของภาพโดยอัตโนมัติสำหรับการจำลองแสงตามการตั้งค่าการรับแสงของกล้อง ลองจินตนาการถึงความเป็นได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อสามารถถ่ายภาพสัตว์ป่าในที่มืดได้


*เมื่อใช้เลนส์ f/1.2 ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้: โฟกัสจุดกลาง อุณหภูมิห้อง ระบบออโต้โฟกัสแบบครั้งเดียว และ ISO 100 ซึ่งใช้ไม่ได้กับเลนส์ RF ที่มีการเคลือบ DS (Defocus Smoothing)


3.ประสิทธิภาพของชัตเตอร์

  • การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง

  • ไม่มีแบล็คเอ้าท์เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง

  • ชัตเตอร์ไร้เสียง

  • ความทนทานของชัตเตอร์


การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง

ประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องอันโดนเด่น กล้อง EOS R3 สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงแบบตรวจติดตามทั้ง AE/AF ได้สูงสุด 30เฟรมต่อวินาทีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ และสูงสุด 12 เฟรมต่อวินาทีสำหรับแมคคานิกชัตเตอร์ โดยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ให้ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/64000 วินาที* ทำให้สามารถจับภาพการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเป็นพิเศษได้ เช่นเดียวกับการถ่ายภาพด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สว่าง



ไม่มีแบล็คเอาท์เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง

ด้วยความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงของเซนเซอร์ CMOS และความเร็วในการประมวลผลภาพสูง ทำให้สามารถแสดงผลภาพที่ถ่ายได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงักเมื่อมองผ่านช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) หรือแม้ในระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงด้วยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ จะไม่มีอาการแบล็คเอาท์หรือเฟรมดำในช่องมองภาพ (Blackout-free) ช่วยให้ช่างภาพไม่พลาดโอกาสในการมองติดตามวัตถุ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแบบคาดเดาทิศทางไม่ได้


ชัตเตอร์ไร้เสียง

กล้อง EOS R3 มาพร้อมฟังก์ชันชัตเตอร์ไร้เสียง(silent shutter) สามารถถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์แม้ในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบเป็นพิเศษ หน้าจอแสดงผลแอลซีดีสามารถปรับตั้งค่าให้ปิดแสงสว่างของจอแสดงผลได้ ทำให้ EOS R3 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพทุกประเภทที่กังวลเรื่อเสียงรบกวนและสิ่งรบกวนสมาธิที่อาจเกิดขึ้น


ความทนทานของชัตเตอร์

มั่นใจได้ว่ากลไกลสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงมีความแข็งแรงทนทาน กล้อง EOS R3 ได้ติดตั้งกลไกชัตเตอร์ที่มีความทนทานสูงถึง 500,000 รอบ พร้อมป้องกันฝุ่นเข้าสู่เซนเซอร์กล้องโดยม่านชัตเตอร์ถูกตั้งค่าให้ปิดทันทีเมื่อปิดกล้อง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดม่านซัตเตอร์ทิ้งไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนระหว่างเปิดเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการถ่ายภาพแบบไร้เสียง


4. การถ่ายภาพเคลื่อนไหว

บันทึก 6K RAW 60p ภายในกล้อง

บันทึก 4K จาก 6K oversampling

บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ HDR PQ

Canon Log 3 และ Cinema Gamut

การควบคุมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว


บันทึก 6K RAW 60p ภายในกล้อง

กล้อง EOS R3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อขยายขอบเขตการถ่ายภาพเคลื่อนไหวและได้รับการพัฒนาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับรุ่นที่เป็นระดับมืออาชีพอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น เพื่อตอบสนองความคาดหวังของการผลิตภาพยนตร์ โดย EOS R3 ใช้ประโยชน์จากความสามารถอันทรงพลังของการบันทึก 6K RAW 12-บิต 60p ด้วยประสิทธิภาพการถ่ายภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูงที่ไม่ครอปภาพ นอกจากนี้ EOS R3 ยังเป็นกล้องยื่นหนึ่งที่ทรงพลังในเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นจากประจุแบตเตอรี่ความจุสูง


ฟุตเทจ 6K บันทึกข้อมูลที่ 6000 x 3164 พิกเซล มีความยืดหยุ่นงในการนำไฟล์ไปตัดต่อแก้ไขภายหลัง ช่วยให้มีอิสระในการสร้างสรรค์ชิ้นงานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการแพน การครอป และการซูม โดยไม่สูญเสียคุณภาพของไฟล์ภาพ ด้วยฟังก์ชัน 6K frame grab ทำให้กล้อง EOS R3 สามารถแยกเฟรมเดี่ยวออกเป็นภาพนิ่งความละเอียดสูงถึงประมาณ 19 เมกะพิกเซล


บันทึก 4K จาก 6K oversampling

หัวใจสำคัญของกล้อง EOS R3 นั้นอยู่ที่ระบบประมวลผลภาพ DIGIC X ช่วยให้สามารถติดตามวัตถุและประสิทธิภาพของระบบออโต้โฟกัสได้อย่างแม่นยำเมื่อบันทึกที่ 6K 60p และ 4K 120p การบันทึกภาพเคลื่อนไหวด้วยอัตราเฟรมเรตสูงที่ 4K UHD 120p ช่วยให้ได้ภาพสโลว์โมชันที่น่าประทับในทุกเฟรม และเมื่อเลือกรูปแบบการบันทึกที่ 4K DCI 60p ข้อมูลที่ได้จะมากจากการบีบอัดไฟล์ข้อมูลของ 6K จึงมอบคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยขอบภาพที่นุ่มนวลกว่า โอกาสเกิดมัวเรน้อยลง ความผิดเพี้ยนของสีและสัญญาณรบกวนก็น้อยลง นอกจากนี้ EOS R3 ยังมีความเร็วในการอ่านข้อมูลของ 4K 60p อยู่ที่ประมาณ 1.6 เท่า ซึ่งเร็วกว่ากล้อง EOS-1D X Mark III อีกทั้งยังลดอาการภาพล้มได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ HDR PQ

เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการผลิตสื่อที่เฉพาะเจาะจง เช่น การรายงานข่าวหรือโครงการที่มีกำหนดเวลาจัดส่งที่สั้น โหมดบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ HDR PQ สามารถผลิตงานวิดีโอที่ให้ช่วงความสว่างที่สูงขึ้น ช่วงโทนสีที่กว้างขึ้น และช่วงสีที่กว้างขึ้น ฟุตเทจที่ได้คือ 4:2:2 10-บิต เหมาะสำหรับการนำไปแก้ไขในการไล่ระดับสีเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการรับชมที่รวดเร็ว เพิ่มความสะดวกให้สามารถใช้โปรไฟล์ภาพสำเร็จรูปเพื่อปรับเปลี่ยนการแสดงผลงานของวิดีโอ โหมด HDR PQ ยังทำงานได้อย่างไร้ที่ติสำหรับการเล่นภาพวิดีโอบนทีวีและแอปพลิเคชันสื่อต่างๆ ที่รองรับ HDR


Canon Log 3 และ Cinema Gamut

EOS R3 รองรับ Canon Log 3 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบ Cinema EOS โดย Canon Log 3 มีโอกาสที่จะเกิดส่วนที่สว่างจ้าน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแกมม่าของ Canon Log ให้โทนสีที่สมบูรณ์แบบจากการเรนเดอร์อย่างแม่นยำสำหรับฉากที่มีความเปรียบต่างแสงสูง ไม่เพียงแค่รองรับช่วงสีมาตรฐาน BT.709 และ BT.2020 แต่ยังรองรับ Cinema Gamut ด้วย จึงทำให้สามารถนำไฟล์วิดีโอจากกล้อง EOS 3 ไปใช้ร่วมกับกล้อง Cinema EOS อื่นๆ ได้



การควบคุมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว

ด้วยความต้องการของคอนเทนต์วิดีโอที่เพิ่มขึ้น บริษัทผู้ผลิตขนาดเล็กและผู้ผลิตคอนเทนต์แต่ละรายจะพบกับความสามารถอันน่าทึ่งของระบบโฟกัสอัตโนมัติบนกล้อง EOS R3 ที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ด้วยพลังการขับเคลื่อนโดยระบบ Dual Pixel CMOS AF II และระบบโฟกัสอัตโนมัติ EOS iTR (การตรวจติดตามและการรับรู้อัจฉริยะ) ให้คุณสามารถสร้างคอนเทนต์ภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมกับทีมงานกลุ่มเล็กๆ หรือแม้แต่เมื่อถ่ายเพียงคนเดียว


การติดตามวัตถุที่เชื่อถือได้

กล้อง EOS R3 มีระบบควบคุมการคาดเดาขั้นสูงในอัลกอริธึมของระบบโฟกัสอัตโนมัติสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว สามารถตรวจติดตามวัตถุต่างๆ ทั้งมนุษย์ สัตว์ และยานพาหนะได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณมีอิสระในการจัดเฟรมภาพและการเล่าเรื่องที่ดีขึ้น


ช่วงความไวของออโต้โฟกัสที่กว้าง

ด้วยขีดจำกัดความสว่างต่ำถึง EV -4.5* กล้อง EOS R3 จึงสามารถจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำแม้ในฉากที่มืดมาก



*เมื่อใช้เลนส์ f/1.2 ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้: จุดโฟกัสกลางภาพ, อุณหภูมิห้อง, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบครั้งเดียว, ISO 100, ถ่ายภาพต่อเนื่อง 29.97 เฟรมต่อวินาที โดยตั้งค่าการแสดงผลเป็นโหมดประหยัดพลังงาน สิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับเลนส์ RF ที่มีการเคลือบ DS (Defocus Smoothing)


รองรับการโฟกัสแบบแมนนวล

กล้อง EOS R3 ทำให้การโฟกัสแบบแมนนวลเป็นเรื่องง่ายด้วยฟังก์ชันตัวช่วยเช็คระยะโฟกัส (Focus Guide) ซึ่งแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ว่าตำแหน่งโฟกัสอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังของวัตถุที่ต้องการ



การเน้นสีโฟกัสแบบแมนนวล (Manual Focus Peaking) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการโฟกัสที่สะดวกซึ่งใช้เส้นขอบสีแบบดิจิทัลเพื่อระบุองค์ประกอบทั้งหมดของฉากที่อยู่ในโฟกัส เครื่องมือทั้งสองช่วยเข้าการโฟกัสแบบแมนนวลและช่วยให้คุณโฟกัสได้แม่นยำยิ่งขึ้น



Zebra Display

เพื่อการแสดงค่าแสงที่แม่นยำระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหว Zebra Display จะวางรูปแบบลายแถบไว้บนพื้นที่ที่เปิดรับแสงมากเกินไปเพื่อให้มองเห็นได้ง่ายผ่านช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) หรือหน้าจอแอลซีดีระบบสัมผัสแบบปรับหมุนได้ นักถ่ายวิดีโอสามารถปรับค่าแสงที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็วและมีประโยชน์อย่างยิ่งในการถ่ายภาพตัวแบบที่เป็นมนุษย์


5. การเชื่อมต่อและการจัดการข้อมูล

  • Dual-Band Wi-Fi, Bluetooth และ GPS ในตัว

  • รองรับอีเทอร์เน็ต และ LAN แบบสาย

  • image.canon

  • Mobile File Transfer (MFT)

  • การเชื่อมต่อ USB-C

  • ช่องแฟลชมัลติฟังก์ชัน


Dual-Band Wi-Fi, Bluetooth และ GPS ในตัว

ถ่ายโอนข้อมูลของคุณทำได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยความเร็วสูงผ่าน Wi-Fi 5GHz/2.4GHz ในตัว สามารถควบคุมการถ่ายภาพระยะไกลและถ่ายโอนไฟล์แบบไร้สายไปยังสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างง่ายดายผ่านแอปฯ Camera Connect และ Digital Photo Professional (DPP) Express ของแคนนอน กล้องEOS R3 รองรับ Wi-Fi Protected Access 3 (WPA3) ปกป้องข้อมูลจากความเสียหายระหว่างกระบวนการถ่ายโอนไฟล์ บลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) ช่วยให้จับคู่กับขั้วต่อได้ง่ายเพื่อลดการใช้พลังงาน GPS ในตัวช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการจัดระเบียบไฟล์โดยการบันทึกสถานที่ถ่ายภาพและข้อมูลเมตาที่ประสานงานตามเขตเวลา รองรับ GLONASS และ QZSS (ระบบดาวเทียม Quasi-Zenith)


รองรับอีเทอร์เน็ต และ LAN แบบสาย

EOS R3 กล้องมิเรอร์เลสตระกูล EOS รุ่นแรกที่มีพอร์ตอีเธอร์เน็ตในตัว มีความสามารถในการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน LAN แบบสายความเร็วสูง ออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับมืออาชีพ โดย LAN แบบสาย รุ่น 1000BASE-T รองรับ FTP, FTPS, SFTP และ LAN การตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อให้ถ่ายโอนไฟล์ RAW หรือวิดีโอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูงได้อย่างเสถียรและปลอดภัย ด้วยการรองรับเพิ่มเติมของ Wi-Fi Protected Access 2 (WPA2) และ LAN ที่ตรวจสอบสิทธิ์ (IEEE 802.1X) กล้อง EOS R3 จึงมีความปลอดภัยและการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลที่สื่อมวลชน องค์กรสาธารณะ และงานขนาดใหญ่กำหนด


image.canon

EOS R3 ใช้งานได้กับ image.canon ซึ่งเป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ให้การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ยืดหยุ่นเพื่อจัดการข้อมูลภาพของคุณ ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งต่อข้อมูลภาพต้นฉบับโดยอัตโนมัติจากกล้องไปยังคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และบริการของบริษัทอื่นๆ ที่รองรับ ช่วยให้คุณได้รับความสะดวกจากการจัดเก็บบนคลาวด์ในขณะเดินทาง



Mobile File Transfer (MFT)

เมื่อจับคู่กับแอปฯ Mobile File Transfer (MFT)* กับกล้อง EOS R3 ทำให้การถ่ายโอนภาพจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนผ่านการเชื่อมต่อแบบสาย (USB-C) หรือไร้สาย (Wi-Fi) ซึ่งไฟล์จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลอย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายสัญญาณมือถือ 5G ของสมาร์ทโฟน สามารถเลือกโหมดการถ่ายโอนข้อมูลได้ 3 โหมด (การถ่ายโอนอัตโนมัติ การถ่ายโอนแบบเลือก หรือการถ่ายโอนด้วยตัวกรอง) ซึ่งเหมาะกับขั้นตอนหลังการถ่ายภาพของคุณเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มและแก้ไขข้อมูลเมตาของ IPTC เช่น ข้อมูลชื่อและใบอนุญาต หรือเพิ่มการบันทึกเสียงลงในรูปภาพที่เลือก



*รุ่นที่รองรับ EOS R3 จะวางจำหน่ายในปลายเดือนมกราคม 2565 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของการพัฒนา


การเชื่อมต่อ USB-C

อินเทอร์เฟซของ USB-C ในกล้อง EOS R3 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ iOS* และ Android สำหรับการเชื่อมต่อ MFT และถ่ายโอนไฟล์ JPEG/MP4 ได้เร็วขึ้น พอร์ต USB-C ยังอำนวยความสะดวกในการชาร์จภายนอกด้วยพาวเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองที่รองรับการจ่ายพลังงาน (PD) และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้งเป็นเวลานานซึ่งไม่มีจุดชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ

*การถ่ายโอนด้วยสายไปยังโทรศัพท์ iOS ต้องใช้สายเคเบิลแยกต่างหากที่เข้ากันได้กับการสื่อสาร


ช่องแฟลชมัลติฟังก์ชัน (Multi-function Shoe)

EOS R3 มาพร้อมกับช่องแฟลชมัลติฟังก์ชันแบบใหม่ที่เพิ่มการใช้งานนอกเหนือจากการถ่ายภาพโดยใช้แฟลช ช่องแฟลชใหม่นี้ได้รับการออกแบบสำหรับการเชื่อมต่อการสื่อสารความเร็วสูงขั้นสูงกับกล้อง และทำหน้าที่เป็นขั้วต่อใหม่เพื่อเพิ่มพลังงานให้อุปกรณ์เสริมที่ติดอยู่กับตัวกล้อง ด้วยช่องแฟลชมัลติฟังก์ชันนี้ทำให้ EOS R3 สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับวิดีโอและความสามารถด้านเครือข่ายได้มากขึ้น เช่น ไมโครโฟนดิจิทัลและอุปกรณ์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน


6. การออกแบบและการยศาสตร์

  • ขนาดและการออกแบบ

  • โครงสร้างจากแมกนีเซียมอัลลอยด์

  • ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ

  • การยศาสตร์ของกล้อง


ขนาดและการออกแบบ

ออกแบบมาเพื่อมอบความสามารถในการใช้งานและความน่าเชื่อถือระดับท็อปสุดของมืออาชีพ เช่นเดียวกับรุ่นเรือธงในตระกูล EOS-1D X ซึ่งกล้อง EOS R3 มีการออกแบบที่คล้ายคลึงกัน แต่สั้นกว่าประมาณ 15% และเบากว่า EOS-1D X Mark III ถึง 30% ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดที่ 14.26 ซม. (ส) x 15 ซม. (ย) x 8.72 ซม. (ล) และน้ำหนักโดยประมาณ 1 กก.* โดย EOS R3 ถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานภาคสนามที่หนักหน่วงและจริงจัง


โครงสร้างจากแมกนีเซียมอัลลอยด์

กล้อง EOS R3 มีการป้องกันแรงกระแทกสูงเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ในการถ่ายภาพ โครงสร้างถูกสร้างขึ้นด้วยแมกนีเซียมอัลลอยด์น้ำหนักเบาเพื่อความแข็งแรงและความทนทานสูงสุด ตัวกล้องยังมีการป้องกันแม่เหล็กไฟฟ้าที่ภายนอกของกล้องอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบให้มีเส้นทางตัวนำความร้อนเพื่อช่วยให้กระจายความร้อนระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น



ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ

สภาพอากาศและภูมิประเทศที่คาดเดาไม่ได้เป็นสิ่งที่แม้แต่ช่างภาพมืออาชีพก็ควบคุมไม่ได้ ในการใช้งานภายใต้สถานการณ์ที่สมบุกสมบัน ด้วยวิศวกรรมและการสร้างโครงสร้างของกล้อง EOS R3 จะถูกปิดผนึกด้วยวัสดุสำหรับป้องกันฝุ่นและละลองน้ำในบริเวณที่เคลื่อนย้ายได้ ที่สำคัญช่วยลดโอกาสที่ฝุ่นและความชื้นจะซึมผ่านตัวกล้อง


การยศาสตร์ของกล้อง

ด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะสองปุ่มและปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันสองปุ่ม สำหรับการปรับแต่งและการเข้าถึงที่ดียิ่งขึ้นระหว่างการถ่ายภาพ กล้อง EOS R3 ยังมีกริปจับแนวตั้งและแนวนอนสองด้านที่มีร่องในการวางนิ้วแบบลึก เพื่อความสบายในการถือที่ดียิ่งขึ้น


ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ (Smart Controllers)

คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญสำหรับกล้องมิเรอร์เลสในตระกูล EOS คือ ปุ่มควบคุมอัจฉริยะเป็นทัชแพดที่มีความละเอียดอ่อนซึ่งทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ออปติคัล ช่วยให้คุณควบคุมพื้นที่ออโต้โฟกัสขณะถ่ายภาพได้ และปุ่มนี้ยังทำงานได้รวดเร็วขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับการใช้งานปุ่ม AF-ON


ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน (Multi-Controllers)

ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางตำแหน่งออโต้โฟกัสของภาพ ให้คุณมีอิสระในการสลับและเลือกระหว่างจุดออโต้โฟกัสหลายจุดได้อย่างรวดเร็ว


กริปแนวตั้งและแนวนอนพร้อมร่องวางนิ้วแบบลึก

กริปแนวตั้งและแนวนอนช่วยปรับปรุงประสบการณ์การถ่ายภาพของผู้ใช้ โดยกล้อง EOS R3 ให้คุณถ่ายภาพในทิศทางใดก็ได้ พร้อมร่องวางนิ้วแบบลึกด้วยรูปแบบรอยบุ๋มจากการออกแบบที่วางนิ้วแบบลึกจะสร้างพื้นที่พื้นผิวที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้คุณถือกล้องได้กระชับมือและปลอดภัยโดยไม่เมื่อยล้า


7.การใช้งานและคุณสมบัติ

  • EVF ที่ดีขึ้น

  • หน้าจอ LCD ระบบสัมผัสแบบปรับหมุนได้

  • ช่องใส่การ์ดคู่

  • แบตเตอรี่ LP-E19 และการชาร์จ

  • ปุ่มเรืองแสง


EVF ที่ดีขึ้น

พบกับโลกแห่งสีสัน ความสวยงาม และความคมชัดผ่านกล้อง EOS R3 ด้วยช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ แบบ OLED ความละเอียดประมาณ 5.76 ล้านจุด พร้อมอัตราเฟรมเรตในการแสดงผลสูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที และการตอบสนองที่รวดเร็วของ EVF ให้ประสิทธิภาพความเร็วสูงโดยลดเวลาหน่วงระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่องและแสดงภาพด้วยอัตราเฟรมเรตที่สูงขึ้น สร้างมุมมองที่เป็นธรรมชาติด้วยฟังก์ชันช่วยจำลองด้วยช่องมองภาพออปติคอล (OVF) ที่มีเทคโนโลยี HDR และการตั้งค่าความสว่างอัตโนมัติผสมผสานกันเพื่อสร้างจอภาพที่สวยงามและมีความคมชัดสูงสุด โดย EVF ให้ความสมจริงในความละเอียดสูงเพื่อเพิ่มพลังให้กับฟีเจอร์ Eye Control AF สำหรับการใช้งานออโต้โฟกัสที่รอบด้าน


หน้าจอ LCD ระบบสัมผัสแบบปรับหมุนได้

กล้อง EOS R3 เป็นกล้องระดับมืออาชีพตัวแรกที่ผสานรวมหน้าจอแอลซีดีระบบสัมผัสแบบปรับหมุนได้ โดยจอแสดงผลเป็นจอแอลซีดีแบบ Clear View II ความละเอียดสูงที่มีขนาดประมาณ 4.15 ล้านจุด ซึ่งเป็นแอลซีดีที่มีความละเอียดสูงสุดในกล้องทุกรุ่นของแคนนอน ช่วยให้สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็วและถ่ายภาพได้อย่างยืดหยุ่นจากมุมสูงหรือต่ำทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง


ช่องใส่การ์ดคู่

ขยายศักยภาพของทุกการถ่ายภาพด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลความจุขนาดใหญ่ของ EOS R3 พร้อมช่องใส่การ์ดคู่ ช่องเสียบเมมโมรี่การ์ดที่รองรับการ์ด CFexpress Type-B รุ่นล่าสุดและการ์ด SD การ์ด CFexpress ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลจากกล้องไปยังการ์ดได้รวดเร็วขั้นสุด โดยมีบัฟเฟอร์กล้องเพียงพอสำหรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ 6K RAW และภาพถ่ายด้วยความเร็วสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาทีอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบันทึกไฟล์สกุล MP4 ที่เหมือนกันในคุณภาพ 4K หรือ FHD บนการ์ดทั้งสองได้พร้อมกันเพื่อสำรองข้อมูล เมื่อบันทึกภาพดคลื่อนไหวในรูปแบบไฟล์ RAW บนการ์ด CFexpress จะสามารถบันทึกข้อมูลที่คล้ายกันในรูปแบบ 4K บนการ์ด SD ได้


แบตเตอรี่ LP-E19 และการชาร์จ

กล้อง EOS R3 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุสูง รุ่น LP-E19 (10.8V/2700mAh) เช่นเดียวกับกล้อง EOS-1D X Mark III ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้ถึง 860 ภาพ* ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ในสถานการณ์ที่แบตเตอรี่หมดและไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ เพียงเพิ่มพลังด้วยพาวเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองที่รองรับการจ่ายพลังงานผ่านพอร์ต USB-C ของ EOS R3** เป็นวิธีทางเลือกในการจ่ายพลังงาน

*ใช้หน้าจอแอลซีดีที่อุณหภูมิห้อง (23°C/73°F) ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน

**ต้องใช้สาย USB-C กับ USB-C ที่เข้ากันได้


ปุ่มเรืองแสง

ในกล้อง EOS R3 มีปุ่มเรืองแสงแบบเดียวกันกับกล้อง EOS-1D X Mark III ซึ่งช่วยให้เลือกเมนูและเล่นภาพได้ง่ายขึ้นเมื่อถ่ายภาพในที่มืด






-------------------------------------------------------------------------------


สนใจดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://th.canon/th/consumer

และบนเฟสบุ๊คทางการของแคนนอน https://www.facebook.com/Canon.thailand/

หรือติดต่อ Call Center โทร 0-2344-9988









ดู 11 ครั้ง

Comments


bottom of page