ช่างภาพหลายคนคงเคยพกกล้องไปเที่ยวน้ำตกกันมาบ้างแล้ว ซึ่งในการถ่ายภาพน้ำตกให้สวยงามนั้น การเล่นกับสปีดชัตเตอร์ช้าๆ ให้สายน้ำฟุ้งเป็นเส้นสายเป็นสิ่งท้าทายมาก แต่ไม่ใช่แค่การตั้งค่าสปีดชัตเตอร์อย่างเดียว จำเป็นต้องมีการตั้งค่าอย่างอื่นด้วย

1. ใช้สปีดชัตเตอร์ช้า ๆ
สปีดชัตเตอร์เร็ว ๆ จะจับภาพสายน้ำให้ดูหยุดนิ่ง และไม่สวยเท่าการใช้สปีดชัตเตอร์ช้า ๆ ดูตัวอย่างได้จากภาพด้านล่างซึ่งถ่ายโดยใช้สปีดชัตเตอร์เร็ว 1/250 วินาที
2. ใช้ขาตั้งกล้อง
เมื่อตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ช้า ๆ ที่ไวต่อการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยของกล้อง เพราะถ้ากล้องสั่น ภาพจะเบลอ จึงต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วย แต่ก่อนตั้งกล้องบนขาตั้ง ควรเตรียมหาสถานที่ มุมถ่ายดีๆ และคิดก่อนว่าต้องการภาพแบบไหน เพื่อไม่ให้เสียเวลาเคลื่อนย้ายหลายรอบ
3. ใช้ ISO ต่ำ ๆ
เมื่อใช้ขาตั้งกล้องก็สามารถลดค่า ISO ลงได้ ซึ่งการลด ISO ต่ำ ๆ ช่วยให้คุณภาพของภาพเพิ่มขึ้น และทำให้ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ ๆ ได้ ยกตัวอย่าง การลดค่า ISO จาก ISO 800 ลงไป 100 ในกล้อง DSLR ของ Canon จะช่วยลดสปีดชัตเตอร์ไป 3 stop ดังนั้นเมื่อถ่ายด้วย 1/ 200 วินาที ก็จะลดลงเป็น 1/25 วินาทีได้
4. ใช้รูรับแสงแคบๆ

ถ้าไม่ต้องการเสียเงินซื้อ ND filter ดี ๆ สักอัน ให้ตั้งค่า f หรือค่ารูรับแสงให้แคบ เป็นการลดแสงที่จะผ่านเข้าไปในเลนส์ ถ้าใช้สปีดชัตเตอร์สูงมาก ๆ ให้ลองเปลี่ยนค่ารูรับแสงมาใช้ f11 หรือแม้แต่ f16 แต่การเปลี่ยนค่ารูรับแสงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรลองทำ เพราะอาจทำให้ระยะชัดลึกไม่เพียงพอต่อภาพ
5. ใช้ ND filter
ถ้าลดค่า ISO ต่ำ ๆ ปรับรูรับแสงให้เป็น f สูงๆ แล้ว ยังไม่สามารถใช้สปีดชัตเตอร์เร็วๆ ได้ เพราะมีแสงเข้ามาในเลนส์มากไป ก็จำเป็นต้องลดจำนวนแสง โดยการใช้ฟิลเตอร์ ND เพื่อลดแสงและใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำๆ ได้
6. ใช้เลนส์ wide หรือ เลนส์ telephoto

เวลาถ่ายภาพน้ำตกที่ทั้งสูงและสายน้ำมีกำลังแรงมากๆ การเข้าไปถ่ายใกล้ๆ อาจโดนหยดน้ำกระเซ็นมาใส่หน้าเลนส์ หากกล้องหรือเลนส์ที่ใช้ไม่มีซีลกันน้ำและฝุ่น ก็อาจทำให้อุปกรณ์เสียหาย จึงควรใช้เลนส์ wide หรือเลนส์ telephoto ซึ่งสามารถจับภาพจากระยะไกลได้ ตัวอย่าง เลนส์ telephoto เช่น Nikon 70-200 mm f2.8 G VR II หรือใช้เลนส์ wide เช่น Nikon 16-35 mm f4.0 VR
ขอขอบคุณข้อมูลจาก BIGCAMERA
#ถ่ายภาพน้ำตก
Comments